สำหรับมือใหม่อาจจะไม่ทราบว่าขนาดยางของตัวเองนั้น เป็นขนาดเท่าไหร่ ดูยังไง ดูตรงไหน ประโยชน์ของการทราบขนาดยางทำให้เราสมารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
ตัวเลขแรกของยางจะบอกในเรื่อง “ความกว้างหน้ายาง” เลข 235 หมายถึง “ความกว้างของยางส่วนที่สัมผัสกับพื้น” ซึ่งตามปกติแล้วจะมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร โดยวัดจากแก้มยางด้านหนึ่งไปสู่อีกด้าน (ไม่รวมตัวหนังสือ สัญลักษณ์ หรือส่วนต่าง ๆ ที่นูนออกมาจากแก้มยาง) ตัวเลข 235 ในตัวอย่าง จะหมายความว่าหน้0ายางมีขนาด 235 มิลลิเมตร
สำหรับ “อัตราส่วนขนาดล้อรถ” หรือที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในชื่อเรียกว่า “ซีรีส์ยาง” จะเป็นตัวเลขลำดับต่อมา คือ 65 โดยจะวัดอัตราส่วนระหว่างความสูง และความกว้างของยางรถ สำหรับตัวเลขดังกล่าวจะหมายความว่า ยางมีความสูงอยู่ที่ 65% ของความกว้าง ซึ่งบอกถึง “สมรรถนะ” ในการเกาะพื้นผิวถนนนั่นเอง
สำหรับ “โครงสร้าง” ภายในยางรถยนต์จะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ Radial (R) และ Diagonal or Bias Ply (D) ซึ่งมีความหมายดังนี้
Radial หรือยางเรเดียล คือ ยางที่มีโครงสร้างเป็นผ้าใบ และเส้นลวดพันอยู่รอบยางในมุมทแยงกับเส้นรอบวง
ซึ่งจากตัวอย่าง คือ 235/65R14 80S หมายความว่ายางรถยนต์เส้นนี้ ใช้ยางรูปแบบเรเดียลนั่นเอง
*หมายเหตุ: ในปัจจุบันยางรถยนต์ เปลี่ยนมาใช้ยาง R แทบทั้งหมด
สำหรับตัวเลขลำดับที่สาม คือ 14 ซึ่งตามปกติแล้วจะมีหน่วยเป็นนิ้ว จากตัวอย่าง 235/65R14 80S หมายความว่ายางรถยนต์เส้นนี้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 14 นิ้ว (ใส่กับล้อกระทะ หรือ ล้อแม็ก ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 14 นิ้ว) หรือที่หลายคนคุ้นเคยกันดีในชื่อว่า “ยางรถยนต์ขอบ14” นั่นเอง
สำหรับตัวเลขชุดสุดท้าย คือ 80 หมายถึง “ความสัมพันธ์” ระหว่างดัชนีรับน้ำหนัก กับความสามารถในการรับน้ำหนักของยางแต่ละเส้น ไม่ใช่น้ำหนักที่สามารถรองรับได้ ตามปกติแล้วจะเริ่มต้นที่ 60-179 หรือเป็นตัวเลขที่แสดงถึงความสามารถในการรับน้ำหนัก ได้ตั้งแต่ 250-7,750 กิโลกรัม พูดง่าย ๆ ว่าน้ำหนักบรรทุกที่ยางสามารถรับได้ เมื่อ “เติมลมยางรถยนต์ เต็มที่”
สำหรับดัชนีความเร็วของยาง จากตัวอย่าง 235/65R14 80S จะหมายถึงตัวอักษร S ซึ่งสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าหากบางรุ่นที่แทนด้วยตัวอักษร R จะสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือถ้าเป็นตัวอักษรอื่นก็จะมีความหมายว่าทำความเร็วได้แตกต่างกันออกไป
ต้องบอกก่อนว่ายางที่มีดัชนีความเร็วสูง ย่อมมีความสามารถในการ “ยึดเกาะถนน” ได้ดีกว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน ควรใช้ยางอะไหล่ที่มีดัชนีความเร็วเท่าเดิมหรือสูงกว่า ทั้งนี้เพื่อ “รักษาความสามารถ” ในการทำความเร็วของรถยนต์นั่นเอง แต่ถ้าหากใช้ยางรถยนต์ที่มีค่าดัชนีรถยนต์ไม่เท่ากัน แนะนำให้ยึด “ค่าต่ำที่สุด” เพื่อความปลอดภัย
*หมายเหตุ: “ดัชนีความเร็วสูงสุด” ไม่ใช่ความเร็วแนะนำในการเดินทาง อย่าได้คิดเร่งเครื่องตามตัวเลขที่ปรากฏเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะผิดกฎหมายจราจรได้
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น